อ. ผึ้ง ชวนคุยเรื่องเคล็ดลับเก่งภาษาอังกฤษอยู่บ่อยๆ วันนี้เรามาคุยเรื่องเคล็ดลับสมองดีกันบ้าง ตามคอนเซ็ปต์ English Brain – การสร้างสมองภาษาอังกฤษ ที่ต้องมีทั้งทักษะภาษาและความคิดคล่องแคล่ว เพื่อการเรียนรู้ฉับไว
หลายคนมองว่าความจำดี หรือไม่ดี เป็นเรื่องของอายุ ยิ่งอายุเพิ่มขึ้น ความจำก็ต้องแย่ลงสินะ อ่ะ…งั้นก็ปล่อยเลยตามเลย ผลลัพธ์คือสมรรถนะความคิดและความจำก็ยิ่งถอยหลัง เร็วสมใจ บางรายไปแบบกู่ไม่กลับด้วย
ความจริงคือ อายุมีส่วนเกี่ยวอยู่บ้าง แต่เน้นว่า “บ้าง” นะคะ เพราะนอกจากเรื่องความแตกต่างของประสิทธิภาพสมองและร่างกายแต่ละคนแล้ว มันขึ้นกับการรู้เทคนิคความจำ การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องด้วย
สำหรับ 5 เทคนิคง่ายๆ วันนี้ อ. ผึ้ง คอนเฟิร์มว่าใช้กับตัวเองอยู่ตลอด และใช้มานาน (มาก…) ก็ร่างกายและสมองของเรามีหนึ่งเดียวเท่านั้นนี่คะ เสื่อมแล้วซ่อมยาก เปลี่ยนใหม่ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ใครอยากได้ความจำดีที่จะอยู่กับเราไปนานๆ ต้องมาดูกันค่ะ
1. Break the routine – เลิกทำสิ่งเดิมๆ
เวลาทำแต่สิ่งเดิมๆ สมองจะเกิดอาการขี้เกียจ เพราะกิจกรรมที่เราทำซ้ำๆ ตั้งแต่เช้าจนค่ำ ทุกวันๆ กลายเป็นอัตโนมัติไปซะหมด อย่างเช่น ทำอาหารแบบเดิมทุกวัน ซื้ออาหารร้านเดิม กินเมนูเดิม ไปเรียนหรือทำงานด้วยเส้นทางเดิม แวะร้านเดิม (ที่ต่อให้เดินหลับตาก็ยังไปถูก!)
แบบนี้เหมือนจะดี แต่ไม่ดี เพราะบอกแล้วว่า เมื่อทุกอย่างเป็นอัตโนมัติ สมองจะขี้เกียจ ไม่ต้องจำข้อมูลอะไรใหม่ๆ ให้เหนื่อยก็ใช้ชีวิตประจำวัน (แบบเดิมๆ) ได้นี่นา แต่พอถึงเวลาต้องป้อนข้อมูลใหม่ลงไป สมองกลับรับไม่ไหว แถมใจไม่สู้เพราะกลัวเป็นเรื่องยาก ทำให้เราจำอะไรใหม่ๆ ไม่ค่อยได้เลย (-_-!)
อ. ผึ้ง แนะนำให้ลองเปลี่ยนกิจกรรมที่ทำแต่ละวันบ้าง แวะร้านใหม่ๆ ลองกลับบ้านเส้นทางใหม่ๆ ลองหาความรู้ในเรื่องใหม่ๆ หรือทดลองใช้แอพลิเคชั่นตัวใหม่ๆ ถ้าวันไหนไม่สะดวกทดลองของใหม่ ลองสลับตารางเวลากิจกรรมต่างๆ ของเราแทนก็ได้ค่ะ
2. Brainteaser / Puzzle – เล่นเกมฝึกสมอง
เกมฝึกสมองไม่ได้มีไว้สำหรับเด็กเล็กเท่านั้น สำหรับกลุ่มประเทศในสหราชอาณาจักร (UK) เกมฝึกสมองเป็นกิจกรรมฮิตสำหรับผู้ใหญ่ ไปถึงผู้สูงอายุเลย ในร้านหนังสือและร้านค้าตามสถานีรถไฟจะมีโซนหนังสือเกมฝึกสมองขายเสมอ เวลา อ. ผึ้ง นั่งรถไฟไปทำงานและกลับบ้านมักจะเห็นผู้โดยสารหยิบเกมพวกนี้ออกมาเล่นฆ่าเวลาเพลินๆ
เกมฝึกสมองแบบง่ายๆ ที่ อ. ผึ้ง แนะนำสำหรับฝึกความจำดี คือ
- เกมที่เกี่ยวกับคำศัพท์ เช่น เกมอักษรไขว้, เกมสร้างคำศัพท์ใหม่, เกมทายคำศัพท์
- เกมที่เกี่ยวกับตัวเลข เช่น เกมคำนวณ, เกม Sudoku
- เกมวางแผน/ตรรกะ เช่น บอร์ดเกม, เกมหมากรุก, ลูกบิด Rubik
เกมอะไรที่ทำให้สมองเราได้คิด ได้แก้ปัญหา เล่นไปเถอะค่ะ ทุกวันนี้ชั้นหนังสือของ อ. ผึ้ง เอง บอกได้เต็มปากเลยว่าเกือบครึ่งคือหนังสือเกี่ยวกับเกมและการฝึกสมองทั้งนั้น วงการนี้เข้าแล้วออกยากจริงๆ (^-^)

3. Learn a new language – เรียนภาษาใหม่ๆ
อะแฮ่ม…ข้อนี้ไม่ต้องโม้กันมาก เราคุยกันบ่อยๆ แล้วว่า การเรียนภาษาใหม่ช่วยให้สมองดีขึ้นได้จริง
นั่นเพราะเวลาเรียนภาษาใหม่ๆ เราต้องจดจำคำศัพท์ สำนวน โครงสร้างประโยค การออกเสียงใหม่ๆ ไปด้วย ต่อให้ใครจะบอกว่าเรียนภาษาต้องเน้นความเข้าใจ แต่ยังไงความจำก็ต้องควบคู่ไปด้วยค่ะ ถ้าเข้าใจแต่ไม่รู้คำศัพท์ ก็สื่อสารไม่ได้อยู่ดี จริงไหม?
เพราะฉะนั้น การเรียนภาษาใหม่ ไม่ใช่แค่ได้ความสนุกและความรู้เพิ่ม แต่ยังช่วยให้เราฝึกใช้งานสมองอย่างเต็มประสิทธิภาพ
การเรียนภาษาใหม่ ต้องใช้ความจำ และกลับกันก็ช่วยให้ความจำของเราดีขึ้นด้วย
อ. ผึ้ง อารดา
4. Write things down – จดด้วยมือ
รู้นะว่าการบันทึกข้อมูลลงคอมฯ เป็นเรื่องง่าย การถ่ายรูปเนื้อหา (บนกระดานหรือจากหนังสือ) มาทั้งดุ้นเลยยิ่งง่ายกว่า แต่การจดด้วยมือช่วยให้เราจำข้อมูลได้ดีกว่าค่ะ
การจดบันทึกด้วยมือเป็นการบังคับให้สมองเราต้อง “ใส่ใจ” จดจ่อ และมีสมาธิกับเรื่องนั้นๆ เพิ่มขึ้น พอมีสมาธิกับเรื่องไหนแล้ว เราจะจำข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้แม่นยำกว่า และนานกว่าด้วย
อ. ผึ้ง แนะนำให้หาสมุดโน้ตไว้ใกล้มือสักเล่ม ถ้าอะไรสำคัญจริงๆ ก็ “จด” ซะ
5. Get enough sleep – นอนหลับให้เพียงพอ
ข้อนี้ก็ไม่ต้องพูดเยอะ ใครเคยนอนไม่ค่อยพอ ชอบนอนดึก ตื่นมามึนๆ ไปครึ่งวัน ทำงานผิดพลาดบ่อย ความจำแย่ลง คงเข้าใจปัญหาและความเกี่ยวเนื่องข้อนี้ดี
ระหว่างที่เรานอนหลับ นอกจากร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สิ่งที่มหัศจรรย์มากคือ สมองก็ได้ใช้เวลาช่วงที่เราหลับลึกทำการดีทอกซ์สิ่งไม่จำเป็นออกด้วยค่ะ
เมื่อตื่นมาพร้อมสมองที่โปร่งเบา เราจะรู้สึกสดชื่น ความคิดเฉียบคม และฉับไวขึ้น แน่นอนว่า พอประสิทธิภาพสมองพร้อมเต็มที่ ความจำของเราก็ดีขึ้นตาม ไม่เป็นคนหลงๆ ลืมๆ ง่ายอีก
ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นเทคนิคง่ายๆ ที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ทันที และวันนี้เลย ถ้าใครกำลังรู้สึกความจำเริ่มแย่ สมองล้า สมาธิสั้นลง อย่ารีรอค่ะ อะไรที่เชื่อว่าดีกับตัวเราเอง ก็ให้ลงมือทำทันที เพราะ “The best time for new beginnings is NOW.” เวลาสำหรับการเริ่มต้นที่ดีที่สุด ก็คือตอนนี้นั่นแหละ ^-^
บทความมีลิขสิทธิ์ : ขอบคุณที่ไม่คัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อนะคะ
สำหรับผู้ที่สนใจภาษาอังกฤษแบบมือโปร เพื่อพัฒนาการทำงานของคุณให้ก้าวขึ้นอีกระดับ ติดตามอ่านความรู้ดีๆ หรือลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจ เทคนิคคำศัพท์ เทคนิคการพัฒนาสมอง และความจำ ได้ที่ Website : ajarnarada.com และ Facebook อ. ผึ้ง อารดา : English Brain