ภาษาอังกฤษที่ใช้กันทั่วโลกทุกวันนี้มีหลายแบบ หลายสำเนียง และหนึ่งในสำเนียงที่ใครๆ ก็บอกว่าฟังแล้วมีเสน่ห์ (ชะมัด) ก็คือ British English หรือภาษาอังกฤษแบบบริติชค่ะ

 

British English – ภาษาอังกฤษแบบบริติช

ภาษาอังกฤษแบบบริติช หรือ British English คือภาษาอังกฤษแบบมาตรฐานที่ใช้พูดและเขียนในสหราชอาณาจักร (The United Kingdom – UK)

แต่จะว่าไปแล้ว ภายในสหราชอาณาจักรเองก็ยังมีสำเนียงท้องถิ่น ที่แตกต่างกันไปอีกเยอะแยะค่ะ ขึ้นอยู่กับถิ่นที่อยู่อาศัยและอิทธิพลแวดล้อม เช่น สำเนียงทางเหนือกับสำเนียงทางใต้จะไม่เหมือนกัน และสำเนียงเมืองลิเวอร์พูลกับสำเนียงเมืองแมนเชสเตอร์ก็แตกต่างกัน ทั้งที่สองเมืองนี้ก็อยู่ติดกัน ^-^

Received Pronunciation (RP) คือสำเนียงที่ได้ชื่อว่าเป็นมาตรฐานของสำเนียงแบบบริติชอีกทีหนึ่ง มักใช้ในกลุ่มชนชั้นสูงหรือผู้ประกาศข่าวค่ะ

 

British people – ชาวบริติช

ชาวบริติช หรือ British people และบางทีก็นิยมเรียกสั้นๆ ว่า “Brits” หรือ “Britons” คือคนที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร (The United Kingdom – UK) ซึ่งประกอบด้วย 4 ประเทศ

  • ประเทศอังกฤษ (England)
  • ประเทศสก็อตแลนด์ (Scotland)
  • ประเทศเวลส์ (Wales)
  • ประเทศไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland)

และแน่นอนว่า ทั้งสี่ประเทศนี้ก็มีสำเนียงไม่เหมือนกันเลย

british-english-1

 

British English – American English

British English คือภาษาอังกฤษที่ใช้โดยชาวบริติช ส่วน American English คือภาษาอังกฤษที่ใช้โดยชาวอเมริกันค่ะ

 

ทั้งสองแบบต่างกันยังไง?

ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันเกิดขึ้นทีหลัง รูปแบบการใช้ทั้งในภาษาพูดและภาษาเขียนถูกปรับเปลี่ยนไปจากภาษาอังกฤษแบบบริติชหลายอย่าง เพื่อตัดทอนให้ง่ายขึ้น หรือปรับการสะกดให้ชัดเจนขึ้น

ความแตกต่างที่ชัดเจนของภาษาอังกฤษแบบบริติชและภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน เช่น

  • การออกเสียง เช่น เสียงตัว R, H, T

ภาษาอังกฤษแบบบริติช จะไม่ออกเสียงตัว R เมื่อเป็นอักษรท้ายคำค่ะ แต่ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันจะออกเสียง R ชัดเจน (มากถึงมากสุด ต้องแอบม้วนลิ้นด้วยค่ะ) เช่น car (คา | คาร์)

ภาษาอังกฤษแบบบริติช จะออกเสียงตัว H เมื่อเป็นอักษรขึ้นต้น แต่ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันจะไม่ออกเสียง H (เฉพาะในบางคำเท่านั้น) เช่น herb (เฮิร์บ | เอิร์บ)

ภาษาอังกฤษแบบบริติช จะออกเสียงตัว T ชัดเจน เมื่อเป็นอักษรท้ายคำ หรืออยู่ในคำศัพท์ที่มีสองพยางค์ขึ้นไป แต่ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันมักออกเสียงตัว T เป็นตัว D เช่น water (วอ-เทอะ | วอ-เดอร์)

  • การสะกด เช่น re – er | our – or

ภาษาอังกฤษแบบบริติช จะสะกดด้วย -re เมื่ออยู่ท้ายคำ แต่ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันจะสะกด -er เช่น centre | center

ภาษาอังกฤษแบบบริติช จะสะกดด้วย -our เมื่ออยู่ท้ายคำ แต่ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันจะสะกด -or เช่น  honour | honor

  • คำศัพท์ เช่น holiday – vacation

ภาษาอังกฤษแบบบริติช จะใช้คำว่า holiday แต่ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันจะใช้คำว่า vacation เมื่อใช้เรียก “วันหยุด”

  • การใช้คำศัพท์รูปอดีต เช่น learnt – learned

ภาษาอังกฤษแบบบริติช จะสะกดกริยาช่องที่ 2-3 ด้วยตัว -t แต่ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันจะสะกดด้วย -ed เช่น learnt | learned แต่กฎนี้จะใช้เฉพาะคำยกเว้นบางคำเท่านั้นนะคะ

  • คำแสลง และสำนวน เช่น brilliant – awesome

ชาวบริติช จะพูดว่า Brilliant! แต่ชาวอเมริกันจะพูดว่า Awesome! แปลว่า “เจ๋ง” ค่ะ

  • ฯลฯ

ความแตกต่างระหว่างภาษาอังกฤษแบบบริติช กับภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน ยังมีอีกเยอะค่ะ ถ้าใครสนใจการใช้ภาษา การออกเสียง และสำนวนเด็ดๆ แบบชาวบริติชแท้ๆ หรือ British English ทั้งใช้พัฒนาทักษะภาษา ทั้งเพิ่มความก้าวหน้าในการทำงานและธุรกิจ สามารถติดตามอ่านข้อมูลดีๆ อีกเพียบกับ อ. ผึ้ง ได้ที่นี่ 

 


บทความมีลิขสิทธิ์ : ขอบคุณที่ไม่คัดลอก หรือดัดแปลงเพื่อนำไปเผยแพร่นะคะ

สำหรับผู้ที่สนใจภาษาอังกฤษแบบมือโปร ติดตามอ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับเคล็ดลับภาษาอังกฤษ การฝึกสมอง และความจำ ได้ที่ Website : ajarnarada.com และ Facebook อ. ผึ้ง อารดา : English Brain

3 ความเห็น

    1. ขอบคุณที่สนใจข้อมูลนี้ค่ะ ยินดีอย่างยิ่งที่คุณจะนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อการศึกษา ขอเพียงช่วยแจ้งเครดิตชื่อที่มาของข้อมูล (เพจเรา) ด้วยนะคะ / อ. ผึ้ง

      ถูกใจ

ใส่ความเห็น