สำหรับผู้หญิง เวลากรอกแบบฟอร์มภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะสมัครงาน ติดต่อธุรกิจ หรือสมัครสมาชิกบริการต่างๆ เคยเจอตัวเลือกระหว่าง “Ms”, “Miss” กับ “Mrs” กันไหมคะ เมื่อก่อนมีแค่สองตัวเลือก แต่ปัจจุบันหลายคนอาจสังเกตว่าเพิ่มมาสาม แล้วสามคำนี้แตกต่างหรือเหมือนกันยังไง เรามาดูที่มาที่ไปพร้อมวิธีใช้ด้านล่างเลยค่ะ
คำว่า “Ms” กับ “Miss” ออกเสียงเหมือนกันว่า “มิซ” ในบริบทที่เราอยากสื่อความหมายรวมๆ ว่า “นางสาว” จะใช้สองคำนี้ก็โอเคนะคะ แต่กรณีที่ต้องเลือกใช้เพียงคำเดียว ก็ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมและจุดประสงค์ของเราเป็นหลัก ในบทความนี้ อ. ผึ้ง จะอธิบายที่มาของคำศัพท์และวิธีการใช้ให้ถูกต้องตามแบบวัฒนธรรมฝรั่งนะคะ
Miss
เป็นคำย่อของคำว่า “Misstress” ซึ่งใช้กันในวัฒนธรรมตะวันตกมาตั้งแต่ช่วงปีคริสตศักราช 1600 ในกรณีทั่วไปที่ไม่เป็นทางการ คำนี้จะใช้เรียกหญิงสาวที่ยังอายุไม่มาก (ประมาณไม่เกินสิบแปด)
นอกจากนี้ ยังใช้แบบทางการเมื่อต้องการระบุสถานภาพการสมรสว่า “โสด” และยังใช้เป็นคำนำหน้าชื่อของเด็กผู้หญิงได้ด้วย สรุปคือแปลได้ทั้ง “นางสาว” และ “เด็กหญิง” เลยค่ะ
- หญิงสาวอายุไม่เกินสิบแปด
- นางสาว (สถานภาพสมรสคือ โสด)
- เด็กหญิง
และจากประสบการณ์เรียนการใช้ชีวิตในวัฒนธรรมอังกฤษของ อ. ผึ้ง โดยตรง คำว่า “Miss” ยังเป็นคำใช้เรียกครู อาจารย์ ได้ด้วยนะคะ ข้อนี้เป็นกรณียกเว้นอยู่บ้าง เพราะไม่ว่าครูคนนั้นจะแต่งงานหรือเปล่าฝรั่งเขาไม่สนใจ แต่จะเรียกว่า “Miss” แบบรวมๆ โดยจะเรียกเฉยๆ หรือจะตามด้วยนามสกุลก็ได้เลย เป็นการแสดงความนับถือค่ะ
การเรียกครูผู้หญิงสั้นๆ ว่า “Miss” แล้วเรียกครูผู้ชายว่า “Sir” เป็นธรรมเนียมอังกฤษที่ใช้มานาน แม้ปัจจุบันบางโรงเรียนเริ่มให้นักเรียนเรียกชื่อจริงของครูแทน เพื่อเพิ่มความสนิทสนม แต่การใช้คำว่า “Miss” และ “Sir” เป็นการแสดงความเคารพที่สุภาพมากกว่า
อ. ผึ้ง อารดา

Ms
จริงๆ แล้วคำนี้เริ่มใช้กันครั้งแรกใกล้ๆ กับคำว่า “Miss” แต่ยังไม่เป็นที่นิยมค่ะ คำว่า “Ms” บอกให้รู้ว่าเป็น “ผู้หญิง” แต่ไม่ได้บ่งบอกถึงสถานภาพการสมรส จนช่วงเข้าศตวรรษที่ยี่สิบถึงเริ่มถูกนำมาใช้มากขึ้น และมาบูมมากช่วง 1970’s ยุคที่เริ่มมีการเรียกร้องสิทธิสตรีในโลกตะวันตก ก็ทีผู้ชายยังใช้ “Mr” คำเดียวโดยไม่ต้องระบุสถานภาพสมรสได้เลย ผู้หญิงก็อยากใช้ “Ms” ในทำนองเดียวกันบ้าง เท่านั้นเอง
กรณีที่เราติดต่อกับคนแปลกหน้าที่ไม่แน่ใจว่าจะเขาแต่งงานหรือยัง จะเขียนระบุตัวตนยังไง คำว่า “Ms” จะถูกนำมาใช้ได้ทันที ถือเป็นคำกลางๆ ค่ะ
ทำนองเดียวกัน กรณีการกรอกแบบฟอร์มภาษาอังกฤษ คนที่เลือกใช้คำนี้นำหน้าชื่อ ก็คล้ายๆ จะบอกว่า “ฉันจะแต่งงานหรือยัง มันก็เรื่องของช้าน… ”
Mrs
คำนี้ออกเสียงว่า “มิซ-ซิส” หรือ “มิซ-ซัส” เป็นคำนำหน้าชื่อผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ภาษาไทยก็คือ “นาง” ไม่ว่าจะวัฒนธรรมไหน การเรียกชื่อและระบุตัวตนให้ถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญและบอกถึงการให้เกียรติคนๆ นั้น แน่นอนว่า ผู้หญิงบางคนอาจรู้สึกกระอักกระอ่วนใจถ้าถูกเรียกว่า “Mrs” ทั้งที่ยังโสด เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่แน่ใจเรื่องสถานภาพสมรสของเขา อ. ผึ้ง แนะนำให้ใช้คำว่า “Ms” แบบกลางๆ ไว้ ปลอดภัยที่สุดค่ะ
การสะกดแบบบริติช ไม่ต้องเติมจุดด้านหลัง (Mrs / Ms) แต่การสะกดแบบอเมริกัน ต้องเติมจุดด้วยค่ะ (Mrs. / Ms)
อ. ผึ้ง อารดา
หวังว่าเคลียร์กันแล้วนะคะ สุภาพสตรีทั้งหลาย เวลากรอกแบบฟอร์มภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจและการทำงาน ใครสะดวกใช้คำไหน เลือกได้เลยตามที่เราพอใจ แต่ถ้าจะใช้คำนี้เรียกชื่อใคร ต้องไม่ลืมเรื่องของวัฒนธรรมด้วยค่ะ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เขียนคล้ายกัน แต่ความหมายต่างกัน ยังมีอีกเยอะเลยค่ะ อย่างเช่น It’s กับ It สนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
บทความมีลิขสิทธิ์ : ขอบคุณที่ไม่คัดลอก หรือดัดแปลงเพื่อนำไปเผยแพร่นะคะ
สำหรับผู้ที่สนใจภาษาอังกฤษแบบมือโปร เพื่อพัฒนาชีวิตและการทำงานของคุณให้ก้าวขึ้นอีกระดับ ติดตามอ่านความรู้ดีๆ หรือลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจ เทคนิคคำศัพท์ เทคนิคการพัฒนาสมอง และความจำ ได้ที่ Website : ajarnarada.com และ Facebook อ. ผึ้ง อารดา : English Brain
1 ความเห็น